3 ข้อเด่น 3 ข้อด้อย.. ของกุนซือเฮวี่เมทัล BY คะนึงตึงเปรี๊ยะ
ผ่านมากว่า 3/4 ของซีซั่นเข้าไปแล้ว ผลงานของพลพรรคหงส์แดงนับว่ามีทุกรสชาติ ในวันนี้เราจะพาไปดูว่ากุนซือใหญ่แห่ง แอนฟิลด์ เขามีข้อดี และ ข้อด้อยอะไรกันบ้างในซีซั่นนี้ พร้อมแล้ว..ลุย!! ตารางบอล
1. วางรากฐานทีมสู่อนาคต..
มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมในยุคของเจอร์เก้น
ไม่ใช่แค่ในสนามเท่านั้นที่กุนซือหนุ่มผู้นี้ทุ่มเทเต็มร้อยเปอร์เซ็นให้กับทีม แต่หากการวางรากฐานสู่อนาคตเขาก็ไม่ละเลยในจุดนี้ หลังจากเซ็นสัญญาระยะยาวกับทีม กุนซือเมืองเบียร์เริ่มสร้างทีมชุดใหญ่ และควบคู่ไปกับการสร้างเชฟของทีมทุกระบบไปในแนวทางเดียวกัน และที่กำลังเป็นไฮไลท์ก็คือการรวมสนามซ้อมเมลวู้ดเข้ากับ เคอร์กบี้ อะเคดามีของทีม และลงทุนงบประมาน 50 ล้านปอนด์ ทำให้มันเป็นมืออาชีพและครบทุกองค์ประกอบ ในจุดๆนี้ควรจะปรับปรุงได้ตั้งนานแล้ว แต่ในยุคคล็อปป์เขาทำให้มันเกิดขึ้นจริง
2. สไตล์ฟุตบอลลุยแหลก
ทีมเล่นได้ดุดัน วิงสู้ฟัดแตกต่างจากโค้ชคนอื่น
จุดเด่นของทัพหงส์แดงในซีซั่นนี้คงหนีไม่พ้นรูปแบบการเล่นที่วิ่งบีบบไล่กดคู่แข่งตลอดทั้งเกม รวมถึงเกมรุกที่จัดจ้านจี้ดจ้าดโดนใจ เดอะ ค็อป ที่อยากให้ทีมมีเกมรุกแบบนี้มานานหลายปี กุนซือเฮวี่เมทัลแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถยกระดับทีมได้ ด้วยการใช้นักเตะที่มีประสิทธิภาพในเกมรุกอย่าง ฟิลิเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ และ ดาดิโอ มาเน่ 3 ประสานที่เป็นตัวทีเด็ดในปีนี้ อีกทั้งยังไม่ลืมกดดันยามที่ทีมไม่มีบอล เพื่อจะรีบกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทำให้ปีนี้บางนัดเราจะเห็นว่า ลิเวอร์พูล มีรูปแบบการเล่นที่สวยงามมากขึ้นจริงๆ
3. จิตวิทยารวมใจเป็นหนึ่ง
วาจาเฉียบคม สมกับเป็นผู้นำ
อีกข้อที่ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นจริงๆของ คล็อปป์ คือมีจิตวิทยาในการโน้มน้าวจิตใจให้ทีมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ด้วยบุคลิกที่ดุดัน เขาพร้อมปกป้องลูกทีมไม่ว่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์จากทางไหน เขาพร้อมจะไปอยู่ตรงนั้นและช่วยให้เรื่องต่างๆมันคลี่คลาย ทำให้เราจะเห็นว่าผู้เล่นยอมจะสู้จนทวายหัวเพื่อบิ๊กบอสที่เขารัก เมื่อเขาเข้ามาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรต่างให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และยิ่งเข้ามาปรับรูปแบบการเล่นของลิเวอร์พูล กลับมาใกล้เคียงกับคำว่า เครื่องจักรสีแดง อีกครั้งก็ทำให้หลายๆคนมั่นใจว่าคนๆนี้จะนำ หงส์แดง กลับมาบินสูงขึ้นอีกครั้ง
1. ใส่เต็มถัง จนทีมล้า
ในเลกหลังมักจะเห็นแข้งหงส์แดง แสดงอาการล้าให้เห็น
ด้วยรูปแบบการเล่นที่วิ่งเอาตาย บีบคู่แข่งตั้งแต่นาทีแรกๆ ทำให้ฟอร์มการเล่นทีดีในช่วงต้นฤดูกาลที่ทีมมีความฟิตและสภาพทีมค่อนข้างพร้อม แต่เมื่อเข้าสู่เลกหลังเราจะให้เห็นได้ชัดว่า คล็อปป์ ยังมีวิธีการเล่นแบบเดิม แต่ประสิทธิภาพและฟอร์มการเล่นที่เปรี้ยงในต้นฤดูกาลกลับหายไป ทำให้หลายๆฝ่ายวิเคราะห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เห็นได้ชัดคือความฟิตของนักเตะ จนขนาดที่บางนัดโดนคู่แข้งที่ประสิทธิภาพด้อยกว่าอย่าง พลีมัธ วูล์ฟส์ เซาธ์แฮมตัน และสวอนซี ใช้ลูกหนักเล่นงานจนทีมยุบมาแล้ว
2. มั่นใจในศักยภาพทีมมากเกินไป
ตัดสินใจไม่ช้อปในตลาดหน้าหนาว นับเป็นความคิดที่ผิด !
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล พุ่งทะยานขึ้นมาอยู่สูงถึงอันดับ 1 มาแล้ว ก่อนที่จะเข้าช่วงสัปดาห์นรก(มีเกมให้เล่นถี่ยิบ)ทำให้หลายๆคนเชื่อว่าศักยภาพของ ลิเอวร์พูล ยังมีไม่พอที่จะรับมือกับช่วงโปรแกรมสุดหิน ยิ่งต้องเสีย ซาดิโอ มาเน่ ไปเตะในเอฟฟริกันเนชั่น คัพ อาจจะส่งผลเสียกับทีม แต่บิ๊กบอสหงส์แดงกลับไม่สนใจเรื่องเสริมทัพ และมองว่าลูกทีมของพวกเขามีดีอยู่แล้ว สามารถรับมือกับความกดดันในโปรแกรมที่ติดๆกันได้ จนสุดท้ายฟอร์มของทีมร่วงกราว จนเขาออกมายอมรับว่าคิดผิดที่ไม่คว้านักเตะหน้าใหม่เข้าสู่ทีม ตารางบอล
3. แก้ปัญหาเกมรับไม่ตกสักที
จุดอ่อนของลิเวอร์พูลที่แก้ไม่หายคือ เกมรับ !
ไม่ว่ายุคใด สมัยใดลิเวอร์พูลมีปัญหาเรื่องการรับมือกับเกมรับ จนในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลายๆคนต่างตั้งความหวังว่าเขาสามารถจะแก้ปัญหาในจุดนี้ให้กับทีมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่วงเลยมาถึงปลายซีซั่น ก็ดูเหมือนเกมรับของ หงส์แดง ยังไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก แม้ในช่วงการซื้อขายในตลาดหน้าร้อน หงส์แดง จะเสริมกองหลังเข้ามาถึง 2 ราย รวมถึงนายประตูหน้าหล่อที่เป็นความหวังในแนวรับของทีม แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างมันยังไม่ลงตัว และนับเป็นการบ้านที่บอสใหญ่ชาวเยอรมันต้องรีบแก้ให้เร็วที่สุด