กว่าจะมาเป็นตำนาน สิงห์บลู ของ แลมพาร์ด

21 ปีบนเส้นทางอาชีพลูกหนัง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 38 ปี เรื่องราวของเขามีมากมายให้เล่าขานกันถึงชั่วลูกชั่วหลาน วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าเขาก้าวมาเป็นสุดยอดนักเตะได้อย่างไรกัน..

จุดกำเนิดเด็กชาย แฟร้งก์ เจมส์ แลมพาร์ด..

20 มิถุนายน 1978 คือวันแรกที่เขาลืมตาดูโลก

แลมพาร์ด เกิดที่กรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ อังกฤษ โดยเขาเป็นเด็กฝึกหัดของ สโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด(อยู่ในยุคเดียวกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนาน แมนฯ ยูไนเต็ด) เขาถูกดันขึ้นมาชุดใหญ่โดย แฮร์รี เรดแนปป์ ซึ้งเป็นญาติของเขาเอง(พ่อของเขา แฟร้งค์ ซีเนียร์ฺ เป็นเพื่อนคู่เขยกันเนื่องจากแม่ของ แลมพาร์ด กับ แม่ของ เจมี เรดแนปป์ เป็นฝาแฝด)และเคยถูกปล่อยยืมตัวไปในปี 1995-1996 กับ สวอนซี ซิตี้ ก่อนจะขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ การที่มีลุงเป็นผู้จัดการทีม ไม่ใช่เรื่องที่ แฟรงค์ ปราถนานัก เพราะเขาโดนหลายคนโจมตีและดูถูกอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจากแฟนบอลเวสต์แฮมเชื่อว่าที่เขาก้าวมาติดทีมชุดใหญ่ได้ ก็เพราะเป็นบารมีของลุงเขานั้นเอง แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้ เขาพัฒนาตัวเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาคือของจริง ไม่ใช่แค่เด็กเส้นกิ๊กก็อก เพราะเขาอยู่เวสต์แฮมได้เพียง 3 ซีซั่น ก็ถูกยักษ์ใหญ่อย่างเชลซี ดึงตัวไปร่วมทีม

วันคืนที่หอมหวานกับ.. เชลซี

ปี 2001 ย้ายไปสร้างตำนานกับ เชลซี

เมื่อครั้งอยู่ เวสต์แฮมฯ เขาได้โชว์ฝีเท้าอันสะแด่วเกินอายุ จนทำให้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ อังกฤษ ในปี 1999 จนทำให้เชลซี ยุคที่ เคลาดิโอ รานิเอรี เป็นผจก.เชลซี ทุ่มเงินกว่า 11 ล้านปอนด์(ปัจจุบันก็ราวๆ 25 ล้านปอนด์) นั้นนับเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เพราะหลังจากนั้นชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่นแบบสุดๆในตำแหน่ง มิดฟิลด์ มีจุดเด่นทั้งสร้างสรรค์เกม จังหวะรับและเปลี่ยนเป็นรุกเขาทำได้ดี การเปิดบอลยาวก็ทำได้ แต่ที่ตรึงตาตรึงใจของแฟนบอลทั่วโลกคือการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ ที่เรียกได้ว่าฉะมังไม่เป็นเบอร์สองรองจากใคร

กวาดทุกแชมป์ที่ลงเล่น

ได้มาหมดทุกโทรฟี่ ไม่ว่าจะใบเล็ก หรือ ใบใหญ่

น้อยคนนักที่จะได้ทุกแชมป์ที่ตัวเองลงเล่น ยิ่งเป็นสโมสรเดียวยิ่งมีความภาคภูมิใจมากเข้าไปอีก แฟรงค์เป็นหนึ่งในนักเตะที่ กวาดมาแล้วทุกใบ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย เอฟเอคัพ4 สมัย ลีกคัพ 2 สมัย คอมมิวนิตี้ชิลด์ 2 สมัย และ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และ ยูโรป้าลีกอย่างละ 1 สมัย และไม่ต้องบอกว่าเขายิ่งใหญ่แค่ไหน แฟนเชลซีหลายคนต้องยกให้เขาเป็น ฮีโร่ จนได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า “ซูเปอร์แฟรงค์” สุดยอดมิดฟิลด์ตลอดการของ “สิงห์บลู” เชลซี

สถิติการยิงสุดติ่งกระดิ่งแมว

แม้จะเป็นเพียงกองกลาง แต่สถิติการยิงแจ่มกว่ากองหน้าบางคนเสียอีก

แฟรงค์กี้ ผ่านการขัดเกลาจากยอดกุนซือทั่วโลกมาแล้วมากมายหลายคน รานิเอรี, มูรินโญ, อฟราม แกรนต์, หลุยส์ เฟลิเป สโกลารี, คาร์โล อันเชลอตติ,กุส ฮิดดิงก์ โดยแต่บะคนเรียกได้ว่ามันสมองของวงการฟุตบอลแทบทั้งนั้น โดยสถิติการยิงของเขาเรียกได้ว่าเข้าขั้นกองหน้าตัวท็อป เพราะเขาทำลายสถิติของ บ็อบบี้ แทมบลิ้งได้ในปี 2013 หลังทำสองประตูในเกมที่ชนะแอสตัน วิลล่า ทำให้สถิติขยับขึ้นเป็น 202 ประตู และก่อนจะก้าวออกจากทีมด้วยประตูรวมของเขากับ เชลซี อยู่ที่ 211 ปิดฉากกับ เชลซี ได้อย่างยิ่งใหญ่

ไม่ใช่เฉพาะเพียงเชลซี ที่เขายิงแบบถล่มทะลาย แต่ทุกสโมสรที่เขาอยู่ด้วย ล้วนแล้วแต่ได้รับประโยชน์จากนักเตะรายนี้แทบทุกทีม ในชีวิตการค้าแข้งเขาทำประตูให้เวสต์ แฮม, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนิวยอร์ค ซิตี้ รวมกันแล้วว่า 300 เม็ดกันเลยทีเดียว

วาทะสุดท้ายในการค้าแข้ง

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา

เมื่อวันที่แฟนบอลทั่วโลกต้องทำใจว่าจะไม่ได้เห็น แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้โลดแล่นในวงการฟุตบอลอีกแล้ว สาเหตุสำคัญคือเหตุใดเขาถึงเลิกเล่นฟุตบอล ทั้งๆที่มีทีมจากเอเชียติดต่อมาด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

“มีหลายๆข้อเสนอติดต่อผมเข้ามา ว่าอยากร่วมงานกับผม แต่ผมไม่ล่ะ ผมพอแล้ว ในวัย 38 ปี ผมต้องการหาความท้าทายใหม่ในรูปแบบอื่น” แต่แฟนบอลไม่ต้องตกใจว่าจะไม่ได้เห็นสุดยอดมิดฟิลด์ผู้นี้ในวงการฟุตบอล เพราะเจ้าตัวก็เปรยๆว่าอาจจะกลับมาทำงานด้านฟุตบอลอีกครั้งในอนาคต