แข็งแกร่ง … เปิดเหตุผล หงส์ควรมีคู่หูคนใหม่ ฟานไดค์

โดนยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ตัว คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์แบ็กคนเก่งของ นาโปลี แซงหน้าทุกทีมสำหรับ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยพวกเขาอาจจะพิจารณาทุ่มเงินซื้อเหมือนกับที่เคยได้ตัว เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังชาวดัตช์ที่ย้ายมาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,375 ล้านบาท) และจะเป็นการจับคู่ระหว่างกองหลังระดับโลก 2 คน ที่ถูกยกว่าดีที่สุด ณ เวลานี้ ทำไม ลิเวอร์พูลควรจ่ายมหาศาลอีกครั้งในตำแหน่งเดิม เราไปดูเหตุผลกัน

ฟานไดค์ แบกคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว

ต้องยอมรับว่าช่วงหลัง ลิเวอร์พูล อาจจะโชคดี หรือทีมแพทย์ในทีม นักกายภาพ ทำงานกันดี เนื่องจาก ฟานไดค์ กองหลังตัวหลักของพวกเขา แทบจะไม่มีอาการบาดจับ แบบยาวๆ จะมีก็แค่พักนิดหน่อย ไม่กี่เกมก็กลับมาลงสนามได้ ทว่าในอนาคตเราไม่อาจรู้ได้ว่า หากลิเวอร์พูล ขาดเซ็นเตอร์ตัวหลักคนนี้ไปจะส่งผลมากน้อยแค่ไหน เราเห็นตัวอย่างในกรณีของ เอริค ลาปอร์เต้ ของทางฝั่งคู่แข่ง แมนฯ ซิตี้ ที่หลังจากมีอาการบาดเจ็บ เรือใบ กลายเป็นเรือหางยาวไปหลายเกมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น การมีตัวหลัก 2 คนในทีมเดียวกัน กับสภาพทีมที่ต้องลุ้นทุกถ้วยมันจำเป็นมากๆ เหมือนกับที่คล็อปป์ มีกองกลางให้เลือกใช้หลายคนนั้นเอง

คู่แข่งเริ่มจับทางได้

หลังๆ เราเริ่มจะเห็นแล้วว่าการเข้าเจาะที่ ฟานไดค์ตรงๆ อาจจะยากไปหน่อย เนื่องจากเจ้าตัวค่อนข้างเป็นนักเตะที่แกร่งทุกจุด ทั้ง เร็ว, แข็งแกร่ง และนิ่งอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นกลยุทธ์ก็คือการเจาะคู่หูตัวข้างๆ ไม่ว่าใครจะมายืนคุ่เขาแน่นอนว่าจะเก่งตามไปด้วย แต่ให้ ฟานไดค์ ดูแลทั่วทั้งแผงหลังคงไม่ใช่ โจเอล มาติป, โจ โกเมส หรือจะรวม เดยัน ลอฟเรน ก็ยังไม่สามารถทำให้แนวรุกของฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัวได้ ต่างกันเขายังมองว่าพยายามเจาะใส่อีกฝั่งยิ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ตรงนี้เองที่ทีมต้องเร่งเปลี่ยนรูปแบบการเล่นในแนวรับบ้าง จะให้พี่บิ๊กไดค์ เป็นศูนย์กลางในทุกๆ เกมไม่ได้

คูลิบาลี่ ดียังไง

แน่นอนการจ่ายเงินทุกบาท ทุกปอนด์ ฝั่งผู้บริหารต้องคิดแล้วว่าจะได้อะไรจากนักเตะหนึ่งคน สำหรับ คาลิดู คูลิบาลี่ เจ้าตัวเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่อาจจะเหมือน ฟานไดค์ ว่ากันด้วยเรื่องของ

เกมรับ

เขาปรับตัวรวดเร็วมาในลีกอิตาลี หลังจากย้ายมาจาก เกงค์ ในปี 2014 เขามีจุดเด่น ด้วยส่วนสูง 195 เซนติเมตร แถมมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เข้าปะทะไม่มีกลัว สกัดได้แม่นยำ และมักจะอ่านเกมได้ดีกว่าคู่แข่ง 1 จังหวะเสมอ แฟนหงส์เห็นกันชินตาเมื่อเจอกัน อีกหนึ่งจุดเด่น เขารับมือกับคุ่แข่งที่มีความเร็วได้ดี กับจังหวะสวนกลับเร็วได้ดี เร็วพอที่จะสามารถช่วยทีมได้

เกมรุกก็มี

เมื่อจำเป็นต้องเล่นเกมรุก จากที่ว่ามาเขามีความเร็วค่อนข้างมากและเป็นกองหลังที่ผ่านบอลได้ค่อนข้างแม่นยำ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 85-90 เปอร์เซ็นต์ และผ่านบอลต่อเกมอยู่ที่ 75-80 ครั้ง ตัวเลขพอๆ กับตำแหน่งกองกลางเลยทีเดียว อีกทั้งการผ่านบอลยาวทางฝั่ง ลิเวอร์พูล อาจจะได้อาวุธใหม่เข้ามาเพิ่ม หลังจาก ฟานไดค์ก็ผ่านบอลได้ดี คราวนี้มีถึง 2 คน

บาดเจ็บไม่บ่อย

จริงอยู่ที่ล่าสุดเจ้าตัวจะมีอาการบาดเจ็บ แต่ก็คล้ายๆ กับกรณีของ ฟานไดค์ ที่ย้ายมาใหม่ๆ คือเขาแทบจะไม่มีอาการบาดเจ็บเลยก่อนหน้านี้ โดยตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับ นาโปลี เขาได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และก็เป็นตัวเลขที่พอรับได้ หากได้ทีมงานของ ลิเวอร์พูล เข้ามาดูแลเขาน่าจะทำได้ดีกับเรื่องรับมือกับอาการบาดเจ็บ เนื่องจากเขามีคู่หูที่คอยช่วยในการทำงานอยู่แล้ว

ได้คนกระตุ้นเพิ่ม

สำคัญมากในข้อดี กับการเป็นคนคอยกระตุ้นนักเตะ ลองจินตนาการภาพดู ปกติ ลิเวอร์พูล ก็มี ฟานไดค์ หรือ มิลเนอร์ และกัปตัน เฮนโด้ คอยช่วยกระตุ้นทีมอยู่แล้ว แต่หากได้พี่ยักษ์ผิวสีเข้ามาคอยตะโกนเสียงอีกคน มั่นใจเหลือเกินว่า ตลอด 90 นาที เพื่อนร่วมทีมแทบจะไม่มีสมาธิหลุดเลยแน่นอน

คอลัมน์ฟุตบอล คาลิดู คูลิบาลี่ นาโปลี บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล